
1. กัปตัน เด เคอา
นายด่านทีมชาติสเปนรับบทผู้นำปีศาจแดงเป็นครั้งแรกในชีวิต และเพิ่งมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกด้วยผลงานคลีนชีตไป 17 เกมในลีก
นอกจากนี้เมื่อรวมทุกรายการเจ้าตัวเก็บไปแล้ว 21 คลีนชีต ซึ่งเป็นสถิติส่วนตัวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เขาขายวิญญาณให้แมนฯยูไนเต็ด
2. สมอลลิ่งยิงต่อเนื่อง สวนทางกับอเล็กซิส
อเล็กซิส ซานเชซ ไม่มีชื่อเป็นผู้เล่นตัวจริงในเกมนี้ ซึ่งอาจมาจากเหตุผลที่โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องการพักเพื่อไว้ใช้งานในเกมตัดเชือก เอฟเอ คัพ กับ สเปอร์ส ส่วนคริส สมอลลิ่ง นั้นกลับยิงต่อเนื่อง 3 เกมติดกับการเป็นทีมเยือน
ประตูที่กองหลังทีมชาติอังกฤษ ยิงเข้าไปจากการแอสซิสต์ของเจสซี่ย์ ลินการ์ดนั้น ทำให้เจ้าไมค์ ทำประตูได้มากกว่าซานเชซ ไปแล้วหากนับเฉพาะนับตั้งแต่สตาร์ชิลีย้ายเข้ามาในทีมปีศาจแดง
จาก 3 ประตูที่กล่าวไปข้างต้น ไล่ตั้งแต่เกมเยือนคริสตัล พาเลซ, แมนฯซิตี้ และ บอร์นมัธ ซึ่งทั้งหมดแมนยู เก็บชัยชนะได้ทุกเกม
3. ความสำคัญของลินการ์ด
จำนวนประตูที่เจสซี่ ลินการ์ด มีส่วนร่วมในฤดูกาลนี้มากกว่าที่เขาเคยทำได้ใน 3 ปีหลังสุดรวมกัน
จากลูกแอสซิสต์ให้สมอลลิ่ง เพิ่มตัวเลขให้เจ้าตัวแอสซิสต์ไปที่ 6 ครั้ง บวกกับประตูที่ทำได้อีก 13 ลูก รวมทั้งหมดที่เจ้าตัวมีส่วนร่วมกับประตูในปีนี้คือ 19 ลูก ซึ่งตัวเลขนี้มากกว่า 3 ปีก่อนหน้าที่ที่เขาทำได้รวมกัน 18 ครั้ง
การพัฒนาขึ้นเรื่อยๆอาจทำให้ลินการ์ดควรก้าวขึ้นมาสู่ตัวจริงได้อย่างเต็มตัว
4. เมื่อคาร์ริคกลับมา
ไมเคิล คาร์ริค ได้รับการแต่งตั้งจากมูรินโญ่ ให้เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีมในฤดูกาลหน้า
อดีตผู้เล่นเวสต์แฮม แทบจะหายหน้าหายตาไปจากทีมโดยตลอดในฤดูกาลนี้ ซึ่งหลังจากที่ประกาศอำลาเส้นทางบนผืนหญ้า เขาก็จะมาเป็นหนึ่งในทีมงานของนายใหญ่โปรตุกีส โดยในเกมนี้ก็ได้เห็นคาร์ริคนั่งอยู่ข้างๆมูรินโญ่บนเก้าอี้สตาฟฟ์โค้ช
5. ปีที่ดีของลูกากู
อย่างน้อยการเริ่มต้นขวบปีแรกของโรเมลู ลูกากู กับแมนฯยูไนเต็ด ก็มีเรื่องอะไรที่ให้น่าจดจำ
ประตูในเกมนี้ ทำให้จำนวนตัวเลขขยับไปที่ 27 ลูกรวมทุกรายและเป็นลูกที่ 15 ของเขาในพรีเมียร์ลีกซึ่งมากกว่าที่เขาทำได้เมื่อปีที่แล้วกับเอฟเวอร์ตันที่ 26 ลูก
อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาเจ้าตัวยิงในลูกกับทอฟฟี่ไป 25 ลูก ซึ่งเป้าหมายต่อไปของลูกากูคือต้องยิงในลีกให้ได้มากขึ้นกับยูไนเต็ด
สนับสนุนบทความโดย : www.siamsport.co.th