สมาคมกีฬาฟุตบอลฯรับเป็นเจ้าภาพศึกยู-23ชิงแชมป์อาเซียน 2023 เดือนส.ค.นี้ ด้าน"โค้ชหระ"รับส่อไร้แข้งแกนหลักลุย แต่พร้อมจัดเต็มในชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่ไทยอีกรายการ

หลังจากที่ ทีมชาติไทย ชุดรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เพิ่งลงแข่งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา และได้แค่เหรียญเงินมาครอง ซึ่งรายการนั้น เป็น 1 ในทัวร์นาเมนท์ต่อยอดไปสู่ กีฬาเอเชียนเกมส์ 2022 (เลื่อนมาจากปีที่แล้ว) และ U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ที่เป็นเป้าหมายในการสานฝันลุ่นคว้าตั๋วไป โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส

ล่าสุดได้รับรายงานมาว่า ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี จะมีโปรแกรมให้ทดสอบทีมอีกหนึ่งรายการ หลัง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย รับเป็นเจ้าภาพฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์อาเซียน 2023 ในช่วงเดือน ส.ค.นี้ โดยเป็นการเตรียมทีม “ช้างศึกหนุ่ม” ก่อนที่จะเตะฟุตบอล U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพแข่งขันในเดือนกันยายนนี้

ทั้งนี้ กำหนดการแข่งขัน ยังไม่ออกมาแน่นอน โดยมีวางไว้ 2 ช่วงคือ วันที่ 12-25 ส.ค. หรือ 15-27 ส.ค. และ จะจับสลากแบ่งกลุ่มวันที่ 29 พ.ค.นี้ ที่สมาคมลูกหนังไทย ส่วนสนามแข่งขัน จะไม่ใช่สนามในกรุงเทพมหานคร แนวโน้มไปแข่งขันที่จังหวัดระยอง โดยมี พีทีที สเตเดียม ที่ พีทีที ระยอง เคยใช้แข่งขันใน “ไทยลีก” เป็นสนามหลัก

ล่าสุด "โค้ชหระ"อิสสระ ศรีทะโร กุนซือทีมชาติไทย ยู-23 กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า"ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนเพิ่มขึ้นมาก่อนชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก และเอเชียนเกมส์ ทำให้เตรียมตัวค่อนข้างยาก เนื่องในช่วงเดือน ส.ค. ฟุตบอลไทยลีกกลับมาแข่งฤดูกาลใหม่แล้ว"

"คงไม่สามารถขอนักเตะตัวหลักมาแข่งขันชิงแชมป์อาเซียนได้ ตัวเลือกมีน้อยลง เพราะถ้าขอมาเล่นชิงแชมป์อาเซียน ก็จะอยู่ยาวเป็นเดือนกว่าจะจบเอเชียนเกมส์เนื่องจากทัวร์นาเมนต์ทั้ง 3 รายการนี้ติดต่อกัน สโมสรคงไม่ปล่อยแน่ๆ"

"ส่วนนักเตะบางคนเพิ่งย้ายสังกัด ก็อยากลงสนามพิสูจน์ตัวเองกับต้นสังกัดใหม่ ทางเลือกของทีมชาติก็ต้องคุยกับสโมสรว่าจะปล่อยใครได้บ้าง แต่ในส่วนตัวคิดว่าตัวหลัก รวมถึงนักเตะกลุ่มที่ 2 ที่วางไว้ในชิงแชมป์เอเชียคงไม่ได้มาแน่ๆ ดีไม่ดีรายการชิงแชมป์อาเซียนอาจได้นักเตะในกลุ่มที่ 3 หรืออาจต้องใช้นักเตะกลุ่มที่ 5"

"เมื่อไม่ได้นักเตะกลุ่มหลักโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชิงแชมป์อาเซียนต้องน้อยลงเป็นเรื่องธรรมดา แต่การเป็นโค้ช รวมถึงนักเตะเมื่อลงสนามแล้วย้อมอยากเป็นผู้ชนะไม่ว่าศักยภาพผู้เล่นจะมีมากหรือน้อยเพียงใด แต่ต้องคุยเป้าหมายของชิงแชมป์อาเซียนกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อีกครั้ง รวมถึงดูตารางแข่งด้วยว่าทับซ้อนกับฟุตบอลอาชีพในประเทศหรือไม่"